อนุราธปุระ (Anuradhapura)
ราชธานีแห่งแรกของศรีลังกา อยู่ทางเหนือของประเทศห่างจากกรุงโคลอมโบ 206 กิโลเมตร นับย้อนไปภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในปีพุทธศักราชที่ 1 พระเจ้าวิชัยจากแคว้นคุชราต ประเทศอินเดียได้แผ่อาณาเขตครองแผ่นดินศรีลังกาเป็นครั้งแรกที่เมืองตัมพปัณณิ ทรงรวบรวมแว่นแคว้นน้อยใหญ่ พระเจ้าวิชัยทรงครองราชย์ได้ไม่นานก็สิ้นรัชกาล ครั้นถึงราชกาลที่ 5 พระเจ้าปัณฑุกาภัย ทรงเลือกเอาเมืองอนุราธปุระขึ้นราชธานีและสร้างความรุ่งเรืองต่อเนื่องยาวนานถึง 1,500 ปี กษัตริย์ทุกพระองค์ทรงตั้งพระทัยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับการสร้างเมืองเสมือนดังบรมราชานุสรณ์ ด้วยเหตุนี้อนุราธปุระจึงได้ชื่อว่า “เป็นพิพิธภัณฑ์ของพระมหาเจดีย์และปราสาทราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ”

พระศรีมหาโพธิ์


ต้นไม้แทนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คงจำกันได้ถึงภาพวาดประทับใจ พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาในพระเจ้าอโศก นำกิ่งโพธิ์ซึ่งตอนจากต้นเดิมที่พุทธคยา สถานที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในประเทศอินเดีย นำมาถวายพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะเมื่อพุทธศักราช 126 และทรงปลูกในสวนเมฆวันนี้ นับแต่นั้นอาณาบริเวณนี้ได้รับการยกย่องเป็นแผ่นดินแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และมีคุณค่าต่อชาวศรีลังกาเป็นต้นมา

จดีย์ถูปาราม
เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาองค์แรกที่สร้างขึ้นในเกาะลังกา โดยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ทรงสร้างขึ้นราว พ.ศ. 300 ซึ่งเป็นเจดีย์หรือสถูปที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองอนุราธปุระ และในเกาะลังกา เพื่อประดิษฐานกระดูกพระรากขวัญ (ไหปราร้า) เบื้องขวาของพระพุทธ ลักษณะเจดีย์แบบนี้ในลังกาเรียกว่า วฏะทาเค ตั้งอยู่บนลานทักษิณ ทุกคนต้องถอดรองเท้าก่อน แล้วเดินขึ้นบันได 8 ขั้น จึงถึงลานองค์เจดีย์

กัลวิหาร เมืองโปโลนนารุวะ
กัลวิหารแปลว่า วิหารหิน หรือ อารามหิน เดิมชื่อ อุตตราราม สร้างโดยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ใน พ.ศ. 1696 – 1729 เป็นวิหารที่สลักบนหินแกรนิตโดยสลักเป็นพระพุทธรูป 4 องค์เรียงอยู่ในแนวเดียวกัน

วิหารวฏะทาเค
เป็นรูปทรงแบบลอมฟางมีเสาหินเรียงรายอยู่ 3 แถวโดยรอบ แต่เดิมมีหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องครอบอยู่ตรงกลางเป็นเจดีย์ทรงกลม มีพุทธรุปปางสมาธิประดิษฐานอยู่หน้าเจดีย์ทั้ง 4 ด้าน

ภูเขาสิกิริยาและพระราชวังสิกิริยา


พระเจ้ากัสสปะ ทรงสร้างสีคีรีนี้ให้เป็นพระราชวังที่ประทับและป้อมปราการ เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยสงคราม ซึ่งทรงประทับอยู่ที่นี่นานถึง 18 ปี ก็ถูกกองทัพของเจ้าชายโมคคัลลาน์ (พระอนุชาต่างมารดา) แย่งชิงราชบัลลังก์คืน พระเจ้ากัสสปะไม่มีทางสู้และขาดเสบียงอาหารจึงปรงพระชนชีพพระองค์เองด้วยดาบ ในพระราชวังบนภูเขาสีคิริยะแห่งนี้

วัดถ้ำดัมบุลลาและถ้ำดัมบุลลา
วัดนี้ประกอบด้วยถ้ำ 5 ถ้ำ ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดคือถ้ำลำดับที่ 4 เป็นถ้ำที่มีความน่าสนใจที่สุด มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเต็มไปทั้งเพดานถ้ำ

วัดพระเขี้ยวแก้ว
เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว พระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งเป็นพระเขี้ยวแก้วเพียงองค์เดียวที่ปรากฏบนโลกมนุษย์โดยมีหลักฐานรองรับความถูกต้องตรงตามพระคัมภีร์มหาวังศา โดยเชื่อกันว่าหากเมื่อใดพระเขี้ยวแก้วถูกนำออกนอกเกาะลังกาแล้ว จะนำภัยพิบัติมาสู่ประเทศชาติและยังเชื่อว่าหากเมื่อใดที่เกิดทุกข์ภัยขึ้น การเปิดอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วออกให้ผู้คนสักการะบูชาจะสามารถขจัดเภทภัยต่างๆได้

วัดกัลณียา เมืองโคลัมโบ
ตามพงศาวดารมหาวงศ์ กล่าวว่าในพรรษาที่ 8 หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จมาเทศน์โปรดพญานาคาที่บริเวณวัดกัลณียาแห่งนี้ ต่อมาได้มีการสร้างพระเจดีย์ครอบบริเวณที่เชื่อกันว่าเป็นพุทธอาสนะในครั้งนี้