• ท่องเที่ยว - การเดินทางไปประเทศศรีลังกา
  • ใครสนใจจะไป Fam Trip ศรีลังกา วันที่ 5-9 มิ.ย. นี้ บ้าง เป็นคำถามที่ถามพี่ๆน้องๆในออฟฟิศโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ คนโน้นตอบไม่ว่าง คนนี้ไปมาแล้ว เมื่อไม่มีใครสนใจ ผมจึงรีรอช้าอยู่ไย เพราะอยากไปศรีลังกามานานแล้ว งั้นผมไปเอง 555... ครั้งแรกกับการไป เที่ยวศรีลังกา ของผมกับ Fam Trip ที่จัดโดย สายการบิน Srilankan Airline กับ บริษัท Lanka Sportreizen ของศรีลังกา ได้รับการนัดหมายข้อมูลติดต่อจากทางสายการบินโดยพี่ด้า ว่าให้ไปเจอกันที่สนามบินในวันเดินทาง ก่อนเดินทางต้องทำ วีซ่าศรีลังกา ก่อน การทำวีซ่าศรีลังกาสามารถทำออนไลน์ได้เลย ราคา 30 ดอลล่าห์ ง่าย สะดวก ไม่ยากครับ(เพราะบอกให้น้องแจนทำให้ ^^ ) ได้หมายเลขวีซ่าตอบกลับมาทางอีเมลล์แล้วอย่าลืมปริ้นเก็บไว้เพื่อเอาไปเช็คอินที่สนามบิน และเก็บไว้ให้ทางตม.ที่ศรีลังกาตรวจอีกทีครับ ทริปนี้ผมไปโดยที่ไม่รู้จักสมาชิกร่วมทริปก่อนเลย รู้แต่ว่าไปกัน 12 คน ตื่นเช้าเช็คอินไฟลท์ UL403 เครื่องออกจากสุวรรณภูมิ 09.05 น. ถึงเมืองเนคอมโบ 10.55 น. ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง 20 นาที (ผมบวกเลขไม่ผิดนะ เพราะเวลาที่ศรีลังกาช้ากว่าบ้านเรา 1ชั่วโมงครึ่งครับ) ตอนขึ้นเครื่องหลายๆคนคงจะกังวลแบบผมว่าจะอบอวลไปด้วยกลิ่นแขกแบบอินเดียหรือเปล่า เข้าไปก็โอเคครับ ศรีลังกากับอินเดีย คนละบรรยากาศกันเลย กีกว่าที่คิดไว้เยอะ อาหารบนเครื่องก็โอเค รสชาดคนไทยทานได้ครับ ^^ ทานข้าวเสร็จ เขียนตม. แล้วมองลงไปนอกหน้าต่าง(ผมนั่งริมหน้าต่าง)มีแต่ทะเลกับก้อนเมฆ ขอตีตั๋วนอน ตื่นขึ้นมาอีกที มองลงไปเบื้องล่างเห็นพื้นดินเกาะเขียวๆ มันเขียวไปทั้งเกาะ ตัวเมืองบ้านเรือนผู้คนน้อยมาก แน่นอนครับนั่นคือ ศรีลังกา อาหารบนเครื่องบิน ใบตม. ศรีลังกา ลงเครื่องปั้บ ผ่านตม.(ใช้วีซ่าที่ปริ้นมาแนบโชว์ไปด้วย) แล้วมารับกระเป๋า และทักทายสมาชิกร่วมทริป พี่ร่วมทริปที่นั่งใกล้ๆผมทักมาว่า อ้าวคนไทยเหรอ นึกว่าคนศรีลังกา ^^! กำลังสงสัยว่าทำไมแขกคนนี้จ้องมองพี่เขาจัง (ผมก็แค่มองหาเพื่อนร่วมทริปน่ะครับ เพราะผมยังไม่รู้จักใครเลย ^^!) รับกระเป๋าเสร็จ ก็เเลกเงินกันที่สนามบินเลยครับ เงินศรีลังกาใช้เงินรูปี ใช้เงินดอลล่าห์แลก 127.50 รูปีต่อดอลล่าห์ครับ (เวลาเราซื้อของคิดเป็นเงินบาทง่ายๆ ก็เอา 4 หารครับ เช่น 100 รูปีประมาณ 25 บาทครับ) อ้อ อย่าลืมแลกแบงค์เล็กๆ เช่นแบงค์ร้อยมาไว้เยอะๆนะครับ เพราะศรีลังกามีวัดเยอะ จะได้หยอดตู้บริจาคกันง่ายๆหน่อย ^^ แลกเงินเสร็จสมาชิกพร้อมออกเดินทางกันเลย... อัตราแลกเงินศรีลังกา มาว่าเรื่องการเดินทาง ทางบริษัท LRS ได้ใช้รถบัสใหม่เอี่ยมมารับเรา (ยังได้กลิ่นเบาะใหม่ๆอยู่เลย) แต่ภาพรวมของรถราและการจราจรที่นี่สู้เมืองไทยไม่ได้เลยครับ ถนนส่วนใหญ่ยังเป็นสองเลนแต่ดีหน่อยที่ไม่มีหลุมบ่อ รถไม่เยอะ ไม่วิ่งเร็วมาก รู้สึกการเดินทางปลอดภัยดี  ความเจริญด้านวัตถุยังด้อยกว่าไทยเยอะครับ คล้ายๆต่างจังหวัดบ้านเรา แต่ที่ดีกว่าคือ อากาศครับ ผมชอบอากาศที่ศรีลังกาดีมาก เพราะศรีลังกาเป็นเกาะ และมีต้นไม้เยอะมาก แม้ช่วงนี้จะมีแดดจ้า แต่ไม่ร้อนอบอ้าวแบบเมืองไทย ลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา
  • เที่ยวศรีลังกาด้วยตัวเอง
  • สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกของหลวงไข่อีกครั้งนะครับ คราวนี้หลวงไข่พาเที่ยวประเทศศรีลังกาครับ ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่อยากไปมานานแล้วเพราะอยากไปทำบุญไหว้พระ พอรู้ว่าแอร์เอเชียเปิดเที่ยวบินไปกลับกรุงเทพฯ-โคลอมโบก็รีบจองตั้งแต่ต้นปี 2555 แต่จองทริปไปตอนเกือบปลายปีคือเดินทางไปวันที่ 10 ตลาคม 2555 และกลับวันที่ 17 ตุลาคม 2555 แต่ก่อนเดินทาง 2 อาทิตย์ผมก็ได้รับข้อความจากแอร์เอเชียเข้ามาทางมือถือว่าเที่ยวบินขากลับวันที่ 17 ตุลาคมจากโคลอมโบกลับกรุงเทพฯถูกยกเลิก เพราะเป็นเรื่องของต้นทุนผู้โดยสารไม่เยอะ เขายกเลิกเที่ยวบินแล้ว วันที่ 10 ตุลาคม 2555 จะเป็นวันสุดท้ายที่แอร์เอเชียบินไปกลับกรุงเทพฯ-โคลอมโบครับ ดังนั้นขากลับ วันที่ 17 ตุลาคม 2555 แอร์เอเชียทำการ Reroute ตั๋วให้ผมขากลับจากโคลอมโบเข้ากัวลาลัมเปอร์ก่อน และ จากกัวลาลัมเปอร์เข้ากรุงเทพฯครับ ทริปนี้ตอนแรกจองไว้ 6 คนแต่สุดท้ายเหลือแค่ 4 คนเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจครับ รวมทั้งหลวงไข่ด้วย แต่พอมีอยู่บ้างก็เลยได้ไปครับ อิๆๆๆ มาเริ่มกันเลยนะครับ ทริปนี้การเตรียมตัวก็หาตั๋วก่อนนะครับ เพราะหลังจากนี้แอร์เอเชียเลิกบินจากดอนเมืองไปโคลอมโบแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าใครจะไปศรีลังกากับแอร์เอเชียก็ต้องเดินทางเข้ากัวลาลัมเปอร์ก่อนครับ  จากภาพที่ผมแคปเจอร์มานะครับจะเห็นว่าถ้าเราบินจากกัวลาลัมเปอร์ไปศรีลังกา เที่ยวบินจะเป็น 11 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นที่กัวลาลัมเปอร์ (เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) เพราะฉะนั้นจากกรุงเทพฯ เราไม่สามารถบินเที่ยวบินแรกจากประเทศไทยไปได้ เพราะเที่ยวแรกจากกรุงเทพฯไปกัวลาลัมเปอร์ จะเป็นเวลา  7:05 น. และถึงกัวลาลัมเปอร์ 10:15 น. ยังไงก็ไม่ทัน 11:00 น.ครับ เพราะกว่าจะผ่าน ตม. เข้า และตม.ออก ใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง ฉะนั้นต่อไปถ้าจะไปศรีลังกาก็ต้องนอนกัวลาลัมเปอร์ก่อน 1 คืนก่อนครับ แต่เที่ยวกลับไม่มีปัญหาครับสามารถจองโคลอมโบ-กัวลาลัมเปอร์-กรุงเทพฯเลยครับ  และจะบอกว่าตอนนี้จะเข้าศรีลังกาก็ต้องขอวีซ่าครับ (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ครับต้องขอวีซ่าเข้าประเทศศรีลังกา)  สามารถขอและกรอกข้อมูลและจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตได้คนละ 20 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาครับ แต่ถ้าไปขอวีซ่าแบบ On Arrival ก็ได้นะครับที่สนามบินโคลอมโบ แต่ค่าวีซ่าจะเป็นคนละ 25 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกานะครับ ซึ่งถ้าเราจะทำการขอวีซ่าผ่านเว็ปไซต์ก็ให้เข้าไปที่ https://eta.gov.lk/etaslvisa/etaNavServ?payType=1
  • เกร็ดความรู้ เที่ยวศรีลังกา 5วัน4คืน สิกิริยา - ดัมบูลล่า - แคนดี้ - โคลอมโบ
  • สวัสดีค่ะ เห็นหลายท่านทำ review trip ศรีลังกามาพอสมควร เราเองก็หาข้อมูลจากใน pantip นี่แหละค่ะ ^^ เป็นประโยชน์มากกกกก เราเพิ่งไปมาตอนต้นเดือนสิงหาที่ผ่านมา เลยอยากเอาข้อมูลมาแชร์ค่ะ ทริปนี้ เราไปกับแฟน2คนค่ะ โดยศรีลังกาแอร์ไลน์ (จริงๆเราจองแอร์ เอเชีย แต่เราโดนเลื่อนไฟล์บิน เลยตัดสินใจยกเลิก และไปจองกับศรีลังกาแทนค่ะ) ค่าตั๋วต่อคนประมาณหมื่นต้นๆ ก็เพิ่มจากแอร์ เอเชีย2เท่าเลย T__T  ทริปนี้เราวางแผนเที่ยวกัน 5วัน4คืนค่ะ  วันที่ 1 : จากสนามบิน นั่งรถถึงสิกิริยาตอนเย็น วันที่ 2 : เที่ยวสิกิริยาและดัมบูลล่า ตอนบ่ายเดินทางไปแคนดี้ วันที่ 3 : เที่ยวแคนดี้ ตอนบ่ายเดินทางไปโคลอมโบ วันที่ 4 : เที่ยวโคลอมโบ วันที่ 5 : กลับประเทศไทยตอนบ่าย วันที่1 :  เนื่องจากเราไปศรีลังกาแอร์ไลน์ เราจึงไปถึงสนามบินตอนเที่ยง แต่ถ้าแอร์เอเชีย เวลาจะดีกว่าค่ะ จะถึงสายๆหน่อยๆ แฟนเราได้ทำการจองรถและคนขับไว้ทางinternet แต่ปรากฏว่าพอไปถึง ไม่มีใครมารับ!!!  ช๊อคคคคเลยค่ะ แต่คนศรีลังกาใจดีมาก ช่วยเหลือเราเต็มที่ จนหารถและคนขับให้เราได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ5 ชม.ค่ะ รวมพักกินข้าวด้วย ถึงที่พักก็มืดพอดี เราพักที่โรงแรม Heritance Kandalama วิวสวยมาก สามารถดูรีวิวจากใน Agoda ได้ค่ะ เราลืมถ่ายรูปโรงแรมมา 55 ถ้าใครจองโรงแรมนี้ เวลาไปทาน dinner ห้ามใส่ขาสั้นนะคะ ต้องdress code บระเจ้า!!! ***การเลกเงิน*** พอถึงสนามบินแล้ว ควรแลกตังค์ก่อนเลยนะคะ เพราะของเราคนขับบอกแลกข้างนอกดีกว่า เรทดีกว่า แต่ปรากดขับไป ไม่มีร้านไหนเปิดเลย เพราะเป็นวันเสาร์... แลกเรทที่โรงแรมก็แพงมาก แต่ที่ศรีลังกาเค้ารับ dollar นะคะ ถ้าแลกไม่ได้จิงๆ ก็ใช้ดอลล่าได้ค่ะ ***ปลั๊กไฟ*** ที่ศรีลังกามีปลั๊กไป2แบบ  เราไม่ได้เตรียม adapterไป เพราะปลั๊กที่เรามีไม่มีรูแบบศรัลังกา รูกลม2รูเล็กและรูใหญ่1รู และอีกแบบเป็นแบบแบน3รู แต่ไม่เหมือนเมืองไทยนะคะ แต่ทางโรงแรมก็มีให้ค่ะ ยืมใช้ได้ ไม่ต้องเสียตังค์ วันที่ 2 : ตะลุยสิกิริยา ดัมบูลล่า  เนื่องจากที่พักเราอยู่คอนข้างใกล้กับสิกิริยา เลยใช้เวลาเดินทางประมาณ 20นาที ค่าเข้าแอบแพงค่ะ 30USD ขอบอกว่าร้อนมากกกก ถ้าไม่อยากดำใส่เสื้อแขนยาวดีกว่าค่ะ จะกางร่มก็ได้ แต่เราไม่แนะนำ เพราะลมแรงมาก ใช้เวลาเดินชมประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ เพราะพื้นที่เค้ากว้างมาก   ที่ต่อไปคือ "ถ้ำดัมบูลล่า" อยู่ไม่ไกลจากสิกิริยามากค่ะ ขอบอกว่าที่นี่ลิงเยอะมากกกกกกกกกก โปรดระวัง!!!  เหมือนเขาวังเลยค่ะ แล้วก็แย่งของกินนักท่องเที่ยวเหมือนกัน ข้อควรระวัง : ทางขึ้นไปถ้ำ จะมีดอกไม้ขายตามภาพด้านล่าง ถ้าจำไม่ผิด กำละ 100รูปี เราก็ซื้อถือขึ้นไป ว่าจะไปนมัสการพระพุทธรูปด้านบน แต่...เจ้าลิงมันกระโจนมาหาเราแล้วก็คว้าดอกไม้เราไปกินเฉยเลยค่ะ  แต่ก็ไม่ได้โดนกันทุกคนนะคะ สงสัยมันคงหิว 555 ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องซื้อก็ได้ค่ะ เพื่อความปลอดภัยของเราเอง การชมวัดต่างๆ ต้องถอดรองเท้าด้วย ถ้าใครไม่อยากให้ถุงเท้าสกปรก เราแนะนำให้ใส่รองเท้าแบบรัดส้น ที่เป็นสายๆอะคะ จะสะดวกสุดค่ะ เพราะเวลาเดินลงเขาก็ไม่เจ็บเท้าข้างหน้าด้วย ถอดเข้าออกก็ง่าย ตอนบ่ายเราออกเดินทางไป "แคนดี้" ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.ได้ค่ะ ( ถ้าจำไม่ผิด เพราะเราหลับ 55)  ถึงแคนดี้ปุ๊บก็รีบตรงดิ่งไปดูการแสดงเลย การแสดงระบำพื้นเมืองจะเริ่มตอน 17:00 หรือ 17.30  ประมาณนี้ค่ะ เป็นโรงละครเล็กๆ ใช้เวลาแสดงประมาณ 1ชม.นิดๆ พอการแสดงจบเราก็ไป check in ที่ Queen's hotel ซึ่งอยู่ใกล้กับที่แสดงโชว์และวัดพระเขี้ยวแก้ว(สามารถเดินไปได้) ด้วยความที่โรงแรมอยู่ใกล้วัดมาก จึงได้ยินเสียงสวดมนต์ชัดมากเช่นกัน พระหยุดสวดตอนประมาณทุ่มนึง และจะเริ่มสวดประมาณตี 5  เราก็ตื่นพร้อมพระสวดเลย เพราะลำโพงเค้าอลังการจิงๆ 555 การเดินทางในเมือง พาหนะที่คนศรีลังกานิยมใช้คือรถเมล์และรถตุ๊กตุ๊กค่ะ ตอนกลางคืนเราก็ออกไปเดินเล่น แต่ประมาณ 2-3ทุ่ม ร้านค้าก็เริ่มปิดกันแล้ว พอมีบางร้านให้พอแวะทานข้าวเย็นได้บ้าง ระหว่างหาร้านทานข้าว ก้มีลุงขับตุ๊กตุ๊กเดินมาคุย เราก็คิดว่าจะมาหลอกพาไปไหนรึป่าว ลุงแกบอกเค้าจะแนะนำที่ซื้อชาให้ เพราะเห้นเราเป็นนักท่องเที่ยว ถ้าไปซื้อที่ Tea Factory จะแพงมากเพราะสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ร้านนี้ขายให้กับคนศรีลังกา ราคาท้องถิ่น และนักท่องก็มาซื้อกันที่นี่หลายคน ร้านนี้อยู่ที่ "Sunday Market" เดินได้จากวัดพระเขี้ยวแก้ว คนแถวนั้นจารู้จัก เราไปวันอาทิตย์พอดี ตอนนั้น2 ทุ่มแล้ว ลุงแกบอกว่าโชคดีเพราะร้านเค้าปิด 20.30  ลุงแกแนะนำว่า ถ้าจะซื้อชา ให้ซื้อชาแบบ B.O.P.F เป็นชาคุณภาพที่ดีที่สุดของศรีลังกา ส่วนชาซองๆ เป็นเหมือนเศษผง ไม่มีคุณภาพ  เราก็ไม่รู้จะเชื่อดีรึป่าว แต่ก็นะ ไหนๆก็ไหนแล้ว ก็อุดหนุนเค้าซะหน่อย ห่อนึงราคา 980รูปี เป็นใบชาเลยค่ะ เพราะราคาไม่แพง เราเลยซื้อมา ร้านนี้ขายหลายอย่างค่ะ มีพวกเครื่องเทศ สมุนไพรต่างๆ ลองไปชมกันได้นะคะ หน้าร้านตามรูปเลยค่ะ เราจำชื่อร้านไม่ได้ 
  • อาหารศรีลังกา รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
  • เนื่องในโอกาสที่ประธานาธิบดีของประเทศศรีลังกาเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ห้องอาหารสไปซ์ มาร์เก็ต โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เลยจัดเทศกาลอาหารศรีลังกาเพื่อเป็นการต้อนรับและฉลองการมาเยือนของผู้นำระดับประเทศ โดยเชื้อเชิญเชฟศรีลังกาตัวจริงเสียงจริงจากโรงแรมในเครือไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป คือ เชฟเบอร์นาร์ด จายาสุริยา เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ โรงแรมอนันตรา พีซ ฮาเว่น ทังเกิล รีสอร์ท (Anantara Peace Haven Tangalle Resort) และเชฟประทีป ภารนมันนา เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ โรงแรมอวานี คาลูทารา รีสอร์ท (Avani Kalutara) วันนี้-8 พ.ย.นี้เท่านั้น  สำหรับอาหารศรีลังกามีเอกลักษณ์เช่นเดียวกับวัฒนธรรมประเทศของเขา โดยนอกจากจะอิ่มเต็มไปด้วยสารพัดวัตถุดิบท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น ปลา มะพร้าว มะม่วง รวมไปถึงเครื่องเทศนานาชนิด คล้ายๆ กับอาหารอินเดีย แล้วยังมีหลายเมนูที่ได้รับอิทธิพลจากอาหรับ มาเลย์ และมัว รวมทั้งประเทศในยุโรป อย่างโปรตุเกส ดัตช์ อังกฤษ ที่เคยเข้ามาปกครองศรีลังกาอีกด้วย จนกลายมาเป็นความหลากหลายและผสมผสานกันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง สำหรับอาหารศรีลังกามีเอกลักษณ์เช่นเดียวกับวัฒนธรรมประเทศของเขา โดยนอกจากจะอิ่มเต็มไปด้วยสารพัดวัตถุดิบท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น ปลา มะพร้าว มะม่วง รวมไปถึงเครื่องเทศนานาชนิด คล้ายๆ กับอาหารอินเดีย แล้วยังมีหลายเมนูที่ได้รับอิทธิพลจากอาหรับ มาเลย์ และมัว รวมทั้งประเทศในยุโรป อย่างโปรตุเกส ดัตช์ อังกฤษ ที่เคยเข้ามาปกครองศรีลังกาอีกด้วย จนกลายมาเป็นความหลากหลายและผสมผสานกันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง  ถ้าพูดถึงความคล้าย ก็ต้องบอกว่า อาหารศรีลังกามีส่วนคล้ายกับอาหารอินเดียมากที่สุด เนื่องเพราะทั้งสองประเทศมีพื้นที่ติดต่อกัน จึงรับประทานอะไรคล้ายๆ กัน โดยเฉพาะการรับประทานแกงเป็นอาหารหลัก ซึ่งแกงที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศคล้ายๆ กัน ทั้งแกงปลา แกงไก่ แกงถั่ว หากต่างกันตรงที่แกงของศรีลังกาจะมีการใส่กะทิเพิ่มเติมเข้าไป เนื่องจากภูมิประเทศเป็นเกาะ ติดทะเลจึงมีต้นมะพร้าวเยอะ ซึ่งข้อดีก็คือช่วยให้อาหารหลายชนิดมีรสชาตินุ่มนวลกลมกล่อมขึ้น